Featured

เที่ยวเวียดนาม ดูธรรมชาติที่บริสุทธิ์สวยสดงดงาม

ทัวร์เวียดนาม
ท่องเที่ยวเวียดนามด้วยตัวเองกล้วยๆด้วยข้อมูลประเทศเวียดนามรวมทั้งที่เที่ยวที่มีความมากมายหลาย ทั่วทั้งเมืองเก่า อ่าวสวย สมุทรงาม แล้วก็วิถีชีวิตคนท้องถิ่นแบบอันซีน
เมืองเวียดนาม ประเทศที่กำลังเดินทางมาแรงอีกทั้งภาคเศรษฐกิจและก็การท่องเที่ยวของอาเซียน เสิร์ชเอ็นจิ้น Skyscanner ขอจัดเต็มรีวิวข้อมูลท่องเที่ยวเวียดนามด้วยตัวเองของแพทย์โจ้ หมอแบบใหม่หัวใจรักการท่องเที่ยว ผู้ครอบครองเพจ worldwantswandering แล้วก็ worldwantswandering.com หรือที่บรรดาแฟนๆรู้จักกันดีในชื่อ “แพทย์ๆตะลุยโลก” ซึ่งแพทย์โจ้เต็มอกเต็มใจมาแชร์ประสบการณ์ตะลุยเวียดนามให้กับต้องการทราบว่าเวียดนามมีอะไรน่าท่องเที่ยว ได้ยืนขึ้นมาจัดทริปเตรียมตัวสำหรับไปเวียดนามกัน
ท็อปเมืองที่ประทับดวงใจที่สุด
“เวียดนามเป็นประเทศแคบๆยาวๆแบ่งเป็นภาคเหนือซึ่งมีก็เพียงแต่เทือกเขา ภาคกึ่งกลางจะเป็นเมืองวัฒนธรรม ส่วนภาคใต้จะมีความรุ่งโรจน์แล้วก็หาดทรายงามๆกล่าวได้ว่ามีสามภาคสามอารมณ์ที่ไม่เหมือนกัน เมืองที่ผมถูกใจก็จะมี…”
ฮานอย (Hanoi)
หุ่นกระบอกน้ำที่เมืองฮานอย”เมืองหลวงของเวียดนาม มีเสน่ห์ตรงที่เป็นแหล่งรวมของทั้งหมดทุกอย่าง มีเวียดนามสมัยใหม่กับสมัยเก่ามาพบกันและก็เป็นจุดเริ่มของชาติเวียดนาม” ตรงนี้มีอากาศเย็นสบาย มีที่เที่ยวที่สื่อความหมายหลักๆได้แก่ หลุมฝังศพโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Mausoleum) สมุทรสาปคืนกระบี่ (Hoan Kiem Lake) วิหารวรรณกรรม (Van Mieu) โรงแสดงละครหุ่นกระบอกน้ำ (Municipal Water Puppets)
ซาขว้าง (Sa Pa)
เมืองงามที่อยู่บนเทือกเขา ในอดีตมีอาณานิคมประเทศฝรั่งเศสมาตั้งภูมิลำเนาตรงนี้แล้วก็มีสิ่งปลูกสร้างบ้านที่พักที่เป็นสถาปัตยกรรมประเทศฝรั่งเศส มีบรรยากาศแบบยุโรปอากาศเย็นสบายทั้งปีและก็มียอดดอยฟานสิปัน (Fansipan) ซึ่งเป็นเลิศเขาที่สูงที่สุดในเวียดนาม มีจุดสำหรับชมวิวที่แลเห็นเมืองทั่วเมือง ยิ่งถ้าหากไปเช้าตรู่ๆก็จะมองเห็นทะเลหมอกปกคลุมเมืองอยู่ เป็นที่ที่เหมาะสมกับการไปฮันนีมูน
ดุหลัด (Dalat)
เมืองบนเทือกเขาทางตอนใต้ของประเทศ เป็นเมืองหลวงเก่าในยุคสมัยที่ประเทศฝรั่งเศสดูแลก็เลยมีพวกสถาปัตยกรรมประเทศฝรั่งเศสงามๆจำนวนมาก รวมทั้งตรงนี้ยังเป็นที่ประทับพักผ่อนของพระราชาธิราชเวียดนามในอดีตด้วยเลยมีที่เที่ยวมากมาย ได้แก่ พระราชสำนัก โบสถ์ สมุทรสาป น้ำตกงามๆชาวเวียดนามถูกใจมาฮันนีมูนกันที่นี่ด้วยเหตุว่าเดินทางสบาย มีท่าอากาศยานและก็โฮเต็ลหรูๆ
อ่าวฮาทดลองเบย์ (Ha Long Bay)
เป็นอ่าวปิดที่งามมากมายแล้วก็มีจุดให้แวะลงท่องเที่ยวได้ มีทั้งยังเทือกเขา ผา รวมทั้งถ้ำต่างๆจะไปเล่นน้ำ พายเรือ จะท่องเที่ยวแบบเช้าตรู่เย็นกลับหรือไปนอนค้างบนเรือก็ได้ การเดินทางไปฮาทดลองเบย์ออกจะใช้เวลามากแม้กระนั้นหากพวกเราต้องการสบายก็สามารถเลือกซื้อทัวร์ท่องเที่ยวได้จากทางโฮเต็ลที่พวกเราไปพัก
ตลาดบัคฮา (Bac Ha)
ออกไปจากซาขว้างราว 60 – 70 กม. ก็กำลังจะถึงตลาดบัคฮาซึ่งเป็นตลาดของชนหมู่น้อย แต่ละวันอาทิตย์คนภูเขาเผ่าต่างๆก็จะลงมาจากเขาแล้วนำผลิตภัณฑ์มาขายกันที่นี่พวกเราจะมองเห็นวิถีชีวิตของชนหมู่น้อยซึ่งมองมีชีวิตชีวามากมายเนื่องจากว่าชนเผ่าแต่ละเผ่าก็จะมีชุดที่ใส่แต่งกายที่ต่างๆกัน มีตลาดค้าสัตว์เลี้ยง มีของคนดอยแปลกๆมาขาย อย่างเช่น เครื่องใช้ที่ทำมาจากขนม้าหรือหางม้า อาภรณ์ เครื่องเพชรพลอยท้องถิ่น เครื่องในสัตว์
Featured

เที่ยวเมียนมาร์สักการ 3 ใน 5 สิ่งศักสิทธิ์ของเมียนมาร์

ทัวร์พม่า
สรรเสริญพระมหาเจดีย์ชเวดากอง พระบรมสารีริกธาตุรายปีกำเนิดของปีม้า สักการพระบรมสารีริกธาตุมุเตา เยอะที่สุดของเมียนมาร์ ไหว้พระธาตุอินทร์ห้อย พระบรมธาตุรายปีกำเนิดของปีจอ
1. พระมหาเจดีย์ชเวดากอง
แม้จะเอ๋ยถึงการไปท่องเที่ยวประเทศพม่าแล้ว อาจจะไม่มีผู้ใดไม่เอ่ยถึง พระมหาเจดีย์ชเวดากอง เจดีย์ประจำเมืองประเทศพม่า ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวประเทศพม่า ทั้งคนต่างชาติที่มาท่องเที่ยวประเทศพม่าต่างพากันเดินทางเพื่อมาสักกาะระ เป็นเจดีย์ที่แก่ดั้งเดิมกว่า 2,000 ปี เป็นที่ตั้งพระเกศธาตุ 8 เส้น ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รวมทั้งมีความใหญ่โตวิจิตรตระการตา โดยมากถึง 326 ฟุต กว้าง 1,355 ฟุต ซึ่งมีเหตุที่เกิดจากแรงเลื่อมใสของชาวประเทศพม่า ด้วยกันบริจาคเงินทองทรัพย์สิน ก่อเสริมเจดีย์ให้สูงใหญ่เพิ่มขึ้นเรื่อยมีทองคำแท้เปิดเผยเป็นแผ่นเรียงต่อกันห่อตัวเจดีย์ไว้ โดยมีน้ำหนักถึง 1,100 กิโลอย่างยิ่งจริงๆ ทำให้เจดีย์ที่นี้ มีสีทองสัมฤทธิ์งาม ฉายแสงให้มองเห็นทั้งยังช่วงเวลากลางวันช่วงเวลาค่ำคืน ยิ่งไปกว่านี้ ด้านบนยอดเจดีย์ยังถูกประดับประดาไปด้วยอัญมณีอันเลอค่า เปล่งแสงระยิบมองเห็นมาแต่ไกล ผู้คนที่มาท่องเที่ยวเมียนมาร์ นอกเหนือจากที่จะมาชื่นชอบความงามของพระมหาเจดีย์ชเวดากองแล้ว จะต้องไปนั่งสวดมนต์ไหว้พระตั้งจิตอธิษฐานและก็กราบขอพรต่อมหาเจดีย์ในลานประสบผลสำเร็จ หรือ ลานอธิษฐาน เพราะว่ามั่นใจว่าจะประสบผลสำเร็จจากที่มุ่งมาดปรารถนา ต่อด้วยการรดน้ำพระทุกวันกำเนิด ที่ตั้งอยู่ทั้งยังแปดด้านรอบองค์เจดีย์ แล้วก็มีพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อีกหลายองค์ให้ได้เคารพบูชาขอพร
2. พระบรมธาตุมุเตา หรือ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ
ได้ท่องเที่ยวเมียนมาร์ดูความสวยงามของเจดีย์ชเวดากองตามแบบฉบับของชาวเมียนมาร์กันแล้ว มุ่งสู่กรุงหงสาวดีดูความสวยสดงดงามในต้นแบบมอญกันบ้างที่ พระบรมธาตุมุเตา หรือ พระมหาเจดีย์ชเวมอดอ เป็นเจดีย์โบราณอายุโบราณกว่า 2,000 ปี และก็ยังเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในประเทศพม่าอีกด้วย ข้างในเจดีย์ใส่พระผมธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อสร้างมาตั้งแต่ยุคมอญเรืองอำนาจ ทำให้แบบอย่างที่มองเห็น เป็นสถาปัตยกรรมของชาวมอญทุกสิ่งทุกอย่าง โดยมีฉัตรแบบเรียบองค์ระฆังของเจดีย์มีลักษณะแคบเรียว ข้างในเป็นก้อนอิฐกลวง โดยมีความหมายทางประวัติศาสตร์เป็น ใช้เป็นที่ทำพิธีเจาะพระหูของพระผู้เป็นเจ้าตะเบ็งเสียงชะเวตี้เมื่อครั้งท่านขึ้นครองราชย์ใหม่ๆถัดมาพระผู้เป็นเจ้าบุเรงท่วมได้สร้างฉัตรมอบเพิ่มเติมหลายชั้น พูดกันว่าก่อนที่จะท่านจะออกทำสงครามคราไหน จะทรงมานมัสการพระมหาธาตุนี้ก่อนทุกคราว รวมทั้งสมเด็จพระกษัตริย์มหาราชเมื่อครั้งเคลื่อนพลมาตีหงสาวดี ก็ได้เสด็จมานมัสการในที่ที่นี้เช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาได้กำเนิดแผ่นดินไหวหลายครา และก็ครั้งที่หนักที่สุด ทำให้ยอดพระมหาธาตุพังทลายลงมา ซึ่งก็ได้รับการบูรณะแล้วก็นำเสนอซากของพระมหาธาตุองค์เดิมไว้ที่เดิมให้ผู้มาท่องเที่ยวเมียนมาร์ได้สักการคู่กันกับองค์ปัจจุบันนี้ ซึ่งนี่เองที่นับว่าเป็นจุดอธิษฐานศักดิ์สิทธิ์ โดยกระบวนการอธิษฐาน ให้เอามือแล้วก็หน้าผากสัมผัสไปที่พระบรมสารีริกธาตุองค์เดิมที่หัก แล้วก็อธิษฐาน สิ่งที่ขอก็จะสำเร็จผล
3. พระบรมสารีริกธาตุอินทร์ห้อย หรือ ไจคราวโย
พระบรมสารีริกธาตุอินทร์ห้อย หรือ ไจครั้งโย ในภาษามอญ มีความหมายว่า หินรูปหัวฤษี เป็นหินที่เชื่อถือ มีลักษณะเป็นหินสีทองคำขนาดใหญ่สูง 5.5 เมตร หนักกว่า 600 ตัน ตั้งอยู่บนผาชัน ถ้าดูด้วยสายตาแล้ว กว่าครึ่งของเนื้อหินนั้นยื่นออกมานอกผา แถมผายังลาดลงต่ำ ทำให้ดูอย่างกับว่าหินวางอยู่อย่างล่อแหลม เสมือนจะตกลงมา กลับตั้งสูงเด่นบนจุดที่สัมผัสกับพื้นดินเพียงแค่น้อยนิด ไม่หวั่นใจต่อแรงดึงดูดหรือลมฝนแต่อย่างใด เช่นเดียวกันกับถูกพระอินทร์มาจับห้อยเอาไว้ ก็เลยได้เรียกกันว่า พระบรมสารีริกธาตุอินทร์ห้อย นอกจากนั้น ยังมีเจดีย์สร้างไว้บนหิน ได้ถูกจำทดลองเป็นพระเกศาแก้วจุฬามณี ซึ่งเป็นพระบรมสารีริกธาตุรายปีหน้าจอ ที่คนกำเนิดปีนี้จำเป็นต้องท่องเที่ยวเมียนมาร์ เพื่อไปนมัสการสักหนึ่งครั้งหนึ่งในชีวิต เช้าใจกันว่า ถ้าเกิดคนใดกันได้มานมัสการพระบรมสารีริกธาตุอินทร์ห้อยนี้ครบ 3 ครั้ง ผู้นั้นจะมีแต่ว่าความสำราญความรุ่งเรือง พร้อมด้วยขอสิ่งใดก็จะได้สมเช่นมุ่งหมายทุกสิ่งทุกอย่าง
Featured

ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเกาหลี

ทัวร์เกาหลี
ประเทศเกาหลี ตั้งอยู่บนแหลมประเทศเกาหลี ระหว่างสมุทรทิศตะวันออก (East Sea) ใกล้ๆกับประเทศญี่ปุ่น กับสมุทรเหลือง (Yellow Sea) ถูกแบ่งได้เป็นสอง ส่วนที่รอบๆเส้นขนานที่ 38 โดยมีเขตปลอดทหาร (Demilitarized Zone : DMZ) หรือพันมุนจอม (Panmunjeom) กั้นกึ่งกลางไว้ ทางด้านเหนือดูแลด้วยระบบลัทธิคอมมิวนิสต์ เป็นประเทศเกาหลีเหนือ โดยมีรัสเซียสนับสนุน ส่วนข้างล่างดูแลด้วยระบอบประชาธิปไตย โดยมีสหรัฐฯเข้ามามีหน้าที่ช่วยเหลือ โน่นเป็นประเทศเกาหลีใต้ ประเทศเกาหลีใต้มี พื้นที่ 99,500 ตารางกิโลเมตร ทำเลที่ตั้งโดยมากเป็นเทือกเขาซึ่งมีถึงปริมาณร้อยละ 70 โดยเหตุนั้นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติของประเทศเกาหลีก็เลยมีมากไม่น้อยเลยทีเดียว คนประเทศเกาหลีเองนิยมไปปีนป่ายเขากันในวันหยุดวันเสาร์ อาทิตย์ด้วย ประเทศเกาหลีใต้มีราษฎรโดยประมาณ 49 ล้านคน โดย 1 ใน 4 ของประชากรการทั่วประเทศจะเข้ามาอาศัยแล้วก็ดำเนินงานในกรุงโซลซึ่งเป็นเมืองหลวง
ลักษณะของอากาศ
– ประเทศเกาหลีอยู่ในเขตอบอุ่นซึ่งมีอยู่ 4 ฤดูใน 1 ปี
– ฤดูใบไม้ผลิ เริ่มตั้งแต่สิ้นเดือนเดือนมีนาคมจนกระทั่งพ.ค. อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 7 ถึง 13 องศาเซลเซียส
– หน้าร้อน สิ้นเดือนเดือนมิถุนายนถึงกันยายน อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 25 ถึง 35 องศาเซลเซียส
– ฤดูใบไม้ร่วง สิ้นเดือนก.ย.ถึงพ.ย. อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 5 ถึง 15 องศาเซลเซียส
– หน้าหนาว ธ.ค.ถึงช่วงกลางเดือนมี.ค. อุณหภูมิอยู่ระหว่าง -10 ถึง 5 องศาเซลเซียส
เวลา
– ประเทศเกาหลี เร็วกว่าเมืองไทย 2 ชั่วโมง
ภาษา
– สามัญชนใช้ภาษาประเทศเกาหลีเป็นภาษาหลัก ส่วน ภาษาอังกฤษสามารถใช้ได้กับพลเมืองส่วนน้อย
เงินรวมทั้งบัตรเครดิต
สกุลเงินของประเทศเกาหลีเป็น วอน โดยเครื่องหมาย “W” เหรียญกษาปณ์แบ่งได้เป็น 1, 5, 10, 50, 100 และก็ 500 วอน แบงค์มี 1000, 5000 แล้วก็ 10,000 วอน อัตราแลกเปลี่ยน อยู่ที่โดยประมาณ 1,200 วอน ต่อ 1 เหรียญสหรัฐ ถ้าเกิดเอามาเทียบกับเงินบาทไทย 1 วอนจะมีค่าพอๆกับ 0.030 บาท (อัตราตามแบงค์กรุงเทวดาในวันที่ 07 เม.ย. 2553) การแลกเงินสามารถแลกเปลี่ยนเหมาะท่าอากาศยานประเทศไทยในวันเดินทาง (ถ้าอยากแลกเปลี่ยนที่ท่าอากาศยานประเทศเกาหลีหรือ โฮเต็ลที่ประเทศเกาหลีใต้ จำต้องใช้ เงินยูเอสดอลล่าร์ ($US) แลกเปลี่ยนแค่นั้น) เงินบาทไทย ใช้ที่ประเทศเกาหลีมิได้ และไม่มีที่รับแลก หากมีเงินยูเอสดอลล่าร์ นำไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศเกาหลี จะได้ราคาค่อนข้างจะดี
ระบบกระแสไฟฟ้า
ระบบกระแสไฟฟ้าในประเทศเกาหลีใช้ไฟ 220 โอ้อวดลท์ (เสมือนเมืองไทย) เป็นปลั๊กไฟกลม 2 หรือ 3 ขา (มีสายดิน) ด้วยเหตุนี้ท่านที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ อย่างเช่น กล้องถ่ายรูปวิดิโอ โทรศัพท์มือถือ เครื่องเป่าผมต้องมีปลั๊กไฟฟ้าแบบใช้ได้ทั้งโลกประจำตัวไปด้วย เพื่อความสบายของท่านได้โปรดตระเตรียม ฟิล์ม, กางตเตอร์ปรี่ ไปให้พอเพียงจากเมืองไทย
ฟิล์มถ่ายรูปรวมทั้งกล้องถ่ายสำหรับรูป
ควรจะเตรียมความพร้อมในการไปให้พอเพียงโดยยิ่งไปกว่านั้นฟิล์มถ่ายรูปเพราะเหตุว่าที่ต่างชาติราคาจะสูงมากมายโดยยิ่งไปกว่านั้น ตามสถานที่เที่ยว และก็ควรจะตระเตรียมถ่านใส่กล้องที่มีไว้ถ่ายรูปไปด้วยเพราะว่าอากาศเย็นถ่านจะสลายตัวเร็ว
การใช้โทรศัพท์
บัตรโทรศัพท์มีขายทั่วๆไป ตามเคาน์เตอร์โฮเต็ล, ซุปเปอร์มาร์เก็ต ราคา 3,000 / 5,000 แล้วก็ 10,000 วอน
โทรกลับเมืองไทยจ.กรุงเทพฯ : 001-66-2-เลขลำดับโทรศัพท์เจ็ดหลัก ชนบท : 001-66-และก็ตามด้วยรหัสจังหวัด-เลขลำดับโทรศัพท์หกหลัก โทรศัพท์ระบบ HUTCH ใช้ประโยชน์ได้เลยโดยขอเปิด ROMMING ใช้บริการในต่างชาติ ก่อนจะมีการเดินทางขั้นต่ำ 7 วัน
การให้ทิป
การให้ทิปในประเทศประเทศเกาหลีมีความจำเป็นมากมาย ปกติตามห้องอาหาร,โฮเต็ลจะไม่มีบริกร รออำนวยความสะดวก ผู้รับบริการจะต้องดูแลตนเอง เช่น นำกระเป๋าขึ้นห้องพักเอง ฉะนั้นหากใช้บริการของบุคลากรควรจะให้ทิปตามธรรมเนียมปฏิบัติ ส่วนคนขับ ไกด์เขตแดน ที่อำนวยความสะดวกระหว่างทัวร์ ธรรมดาเฉลี่ยแล้ววันละ 3,000 วอน / คน / วัน
อาหาร
ของกินนานาจำพวกมากเจอได้ในประเทศประเทศเกาหลี ตอนแรกประเทศเกาหลีเป็นประเทศเกษตรกรรม แล้วก็ชาวประเทศเกาหลีเพาะปลูกข้าวเป็นของกินหลักมาตั้งแต่สมัยโบราณ มาในสมัยปัจจุบันนี้ของกินประเทศเกาหลีจะเป็นตำหรับซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อสัตว์นานาจำพวก ปลา พร้อมกับพืชสีเขียวรวมทั้งผักต่างๆของกินดองต่างๆได้แก่ กิมจิ หน้าจอทกอล (jeotgal) (อาหารทะเลหมักเกลือ) แล้วก็ ดนจัง (deonjang) (ถั่วเหลืองหมักเหลว) ลือชื่อในรสโดยเฉพาะอย่างยิ่งรวมทั้งมีคุณค่าทางโภชนาการสูง
รายการช้อปปิ้ง
เสื้อผ้า, เครื่องมือกีฬา, เครื่องหนัง และก็ผลิตภัณฑ์จำพวกขนสัตว์, เพชรพลอย, ของโบราณรวมทั้งวัตถุโบราณ, โสม, ศิลป์รวมทั้งงานหัตถกรรมประจำถิ่น, สุราและก็ชาท้องถิ่น, กิมจิและก็ของกินอื่นๆ

5 สถานที่เที่ยวในประเทศเกาหลีใต้ ที่คุณห้ามพลาดเป็นอันขาด อัพเดท 2018

เกาหลีใต้เป็นอีกหนึ่งประเทศที่คนไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว เนื่องมาจากใช้เวลาเดินทางไม่นานเพียงแต่ 5-6 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว แล้วก็ยังเป็นประเทศไม่ต้องขอวีซ่าท่องเที่ยวอีกด้วย ถ้าจะพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศเกาหลีนั้นจริงๆแล้วมีเยอะมากหลายที่ ด้วยเหตุดังกล่าวผู้ใดกันแน่กำลังแพลุกลนท่องเที่ยวหรือกำลังตกลงใจว่าจะไปเที่ยวประเทศไหนดี ทดลองตามมาดู 15 สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดในเกาหลี แล้วจะต้องอยากท่องเที่ยวแน่ๆ

1. วังเคียงบกกุง Gyeongbokgung Palace
พระราชสำนักเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) หรือเรียกอีกแบบหนึ่งว่า “ราชสำนักคยองบกกุง” เป็นสัญญลักษณ์รวมทั้งสถานที่สำหรับท่องเที่ยวยอดฮิตของกรุงโซล พระราชสำนักที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในกรุงโซล สร้างขึ้นในปี 1394 ในยุคพระเจ้าแทโจ ราชวงศ์โชซอน แรกเริ่มนั้นภายในพระราชสำนักมีอาคารและพระราชวังต่างๆมากกว่า 200 หลัง แต่เมื่อมีการรุกรานของประเทศญี่ปุ่น อาคารส่วนใหญ่ก็ได้ถูกทำลายลงหลงเหลืออยู่เพียงแค่ 10 หลังเพียงแค่นั้น

2. เกาะนามิ สุดโรแมนว่ากล่าวค Namiseom Island
เกาะนามิมีเหตุที่เกิดจากผลของการกั้นน้ำเพื่อสร้างเขื่อน มีพื้นที่ประมาณ 270 ไร่ มีลักษณะเป็นรูปดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว บนเกาะนี้เป็นที่รู้จักในหมู่คนประเทศเกาหลีมานานด้วยเหตุว่ามีธรรมชาติที่สวยยังมีสัตว์เล็กๆอาศัยอยู่ตามธรรมชาติได้แก่ กระรอก กระแต นก หงส์ ห่าน รวมทั้งนกกระจอกเทศด้วย และตรงนี้จะนำสายไฟลงใต้ดินทั้งสิ้น เพียงแต่รักษาความชอบธรรมชาติเอาไว้ โดยตอนที่มีนักท่องเที่ยวมาเยอะที่สุดจะเป็นช่วงๆฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากต้นไม้มากที่นี่จะเปลี่ยนสีเหลือง สีแดง สีส้ม โดยเฉพาะทางเท้าใต้ต้นแปะก๊วยที่จะแปลงใบเป็นสีเหลืองสดงามมากมาย แต่ที่นี่คนจะมากมายตลอดทุกฤดู

3. รางรถไฟดอกซากุระคยองฮวา – Gyeonghwa Station
รางรถไฟดอกซากุระคยองฮวา – Gyeonghwa Station เป็นหนึ่งในจุดดูซากุระที่สวยอันดับต้นๆของเกาหลีเลยก็ว่าได้ โดยสามารถแลเห็นรถไฟที่วิ่งมาหยุดที่สถานีกับทิวทัศน์อุโมงค์ดอกซากุระที่เรียงรายกันอยู่เต็มทั้งสองข้างทางในตอนราวๆต้นเดือนม.ย. สถานีรถไฟคยองฮวาที่นี้เป็นสถานีเล็กๆที่อยู่ที่เมืองจินแฮ (Jinhae) จังหวัดเคียงซังนัมโด (Gyeongsangnam-do) ได้มีการยกเลิกการใช้แรงงานไปแล้วตั้งแต่ปี 2015 แต่ว่าจะเปิดให้รถไฟวิ่งเฉพาะในตอนเทศกาล Jinhae Gunhangje Festival ซึ่งเป็นเทศกาลดูดอกซากุระที่จัดเป็นอย่างมากใหญ่ของเมืองจินแฮ แต่รถไฟนั้นจะไม่ได้มาหยุดที่สถานี เพียงแต่ใช้เป็นทางผ่านไปยังสถานีอื่นๆ

4. อุโมงค์ซากุระ ลำคลองยอชวาชอน – Yeojwacheon Stream
อุโมงค์ซากุระ คลองยอชวาชอน – Yeojwacheon Stream ยอดเยี่ยมในจุดที่เป็นที่รู้จักเยอะที่สุดสำหรับเพื่อการดูดอกซากะของเมืองจินแฮ เริ่มเป็นที่รู้จักกันภายหลังจากซีรีย์เรื่อง Romance กระจายเสียงเมื่อปี 2002 ซึ่งใช้ลำคลองที่นี้เป็นฉากสำหรับเพื่อการถ่ายทำ มีชื่อเสียงจนถึงมีชื่อเรียกสะพานที่ใช้ผ่านลำคลองตามชื่อซีรีย์นั่นก็คือ Ramance Bridge

ในทุกๆเมษายนของทุกปีซึ่งเป็นตอนที่มีเทศกาลชมดอกซากุระ ที่คลองแห่งนี้จะเต็มไปด้วยนักเดินทางที่เดินทางมาชมความสวยงามของดอกซากุระ สามารถเดินเที่ยวได้ทั้งยังด้านบนสะพานและก็ด้านล่างซึ่งจะมีทางเท้ายาวตลอดแนวเรียบไปกับคลองน้ำ แล้วก็ยังมีดอกเรปซีดเผือดซึ่งเป็นดอกไม้ต้นเล็กมีดอกสีเหลืองบานพร้อมกันซากุระอีกด้วย แต่ละปีก็จะมีการประดับประดาตกแต่งบริเวณลำคลองในช่วงที่จัดงานเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นการนำร่มที่สีสันสดใสมาแขวนไว้หรือจะเป็นโคมรูปหัวใจน่ารักๆแล้วก็ในช่วงช่วงเวลากลางคืนก็จะเปิดไฟประดับสวยสดงดงามมาก

5. บริเวณช้อปปิ้งเมียงป่าดง หรือ มยองป่า
ย่านช้อปปิ้งเมียงมองป่า หรือ มยองป่าดง (Myeong-dong) ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโซล เป็นย่านช้อปปิ้งที่ได้รับความนิยมรวมทั้งคักคักที่สุดของกรุงโซล ล่อใจนักเดินทางได้มากกว่า 1 ล้านคนต่อวัน อีกทั้งยังสามารถเดินทางได้สะดวก นับว่าเป็นศูนย์กลางของการบ้านการเมือง เศรษฐกิจ รวมทั้งวัฒนธรรมเลยทีเดียว ข้างในตลาดเมียงดงเต็มไปด้วยร้านรวง และก็ห้องอาหารนับไม่ถ้วน เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยวรวมทั้งนักช้อป

ห้างสรรพสินค้า
ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุด เช่น ห้างลอตเต้(Lotte) กับห้างเคยชินเซเอ็ง(Shinsegae) ส่วนร้านขายของอื่นๆก็ตั้งอยู่ทุกซอกมุม รวมถึงแผงลอยริมถนนที่เสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องแต่งตัว สินค้าอื่นๆในราคาถูก และของว่างแสนอร่อย โดยเถ้าแก่จำนวนมากสามารถบอกภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น จีน รวมทั้งไทยได้

เป็นไงบ้าง 5 สถานที่เด็ดไหม สามารถติดตามชมการจัดสถานที่เที่ยวในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมีอีกเยอะแยะจริงๆประเทศนี้เที่ยวอย่างไรก็ไปไม่หมดกล้วยๆหวังว่าเพื่อนพ้องๆอาจจะถูกใจ แล้วก็ติดตามบทความของเรา ผู้ใดกันถูกใจได้โปรดกรุณาแชร์ให้เพื่อนฝูงๆได้อ่านกันด้วยนะ แล้วเจอกันตอนใหม่

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ทัวร์เกาหลี

5 สถานที่เที่ยวในประเทศพม่าที่คุณจะต้องไป ไม่ใช่แค่การไปไหว้พระ อัพเดท 2018

ถ้าเกิดเอ่ยถึง ประเทศพม่า เพื่อนบ้านที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากประเทศไทย จำนวนมากหลายท่านมักนึกถึงการไปไหว้พระเพียงแค่นั้น แต่ความจริงพม่า ยังมีสถานที่เที่ยวน่าสนใจหลายสไตล์ ที่ควรค่าแก่การไปสัมผัสสักหนึ่งครั้ง วันนี้พวกเรารวบรวม 5 สถานที่เที่ยวพม่า นอกเหนือจากการไหว้พระ มาให้ทุกคนรู้จัก จะมีที่แห่งใดบ้างนั้น มาดูกันเลย

1. เมืองพม่า ทะเลเจดีย์และวิถีชีวิตแบบพุกามๆ
ถือเป็นโชคดีของชาวพุกาม ที่พุทธรุ่งเรืองถึงขีดสูงสุดเช่นเดียวกันในช่วงเวลานั้น ทำให้พระเจ้าอโนรธามังช่อรับเอาพุทธเป็นศาสนาประจำประเทศ ท่านสร้างเจดีย์แห่งแรกขึ้น ชื่อ “เจดีย์ชเวซีโกน” ต่อจากนั้นกษัตริย์รุ่นต่อๆมา รวมถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่แล้วก็ผู้มีอันจะกินทั้งหลายในพุกามก็ระดมสร้างวัด สร้างเจดีย์กันเต็มพื้นที่ไปหมด คงจะเพราะความศรัทธาที่ว่า ยิ่งเล่นใหญ่ เอ๊ย!! ยิ่งสร้างวัดใหญ่มโหฬารเพียงใด ยิ่งได้บุญกุศลบารมีมากมายเท่านั้น

อาณาจักรพม่าเคยเจริญรุ่งเรืองแค่ไหนเราคงไม่ต้องเล่า ด้วยเหตุว่าเกือบ 1,000 ปีให้หลังทุกอย่างได้พิสูจน์ตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว ตัวเราต่างหากที่ต้องมาพิสูจน์ความยิ่งใหญ่นั้นด้วยตาของเราเอง จากเจดีย์กว่า 4,446 องค์ วันนี้เหลือแค่ 2,200 กว่าองค์ ไม่รีบมาดูซะวันนี้ก็ไม่เคยรู้ว่าอีกหน่อยจะเหลือให้ดูแค่ไหน

2. ตะลุยสวนน้ำ Yangon Water Boom
หากโลกนี้มันร้อนนัก ก็ไปพักผ่อนเล่นน้ำกันที่สวนน้ำ Yangon Water Boom กันดีกว่า! สถานที่เที่ยวในพม่า อีกแห่งที่อยากเชื้อเชิญคุณมาคลายร้อน โดยสวนน้ำ Yangon Water Boom นับว่าเป็นสวนน้ำที่แรกของประเทศพม่า ตั้งอยู่ในเมืองย่างกุ้ง ตรงนี้คุณจะได้เจอกับสไลด์เดอร์สุดเยี่ยมสุดยอด “Free Fall Slides” หวาดเสียวกับสไลด์เดอร์ที่มีความสูงถึง 15 เมตร! ให้ท่านไหลลื่นลงมาด้วยความเร็วกว่า 70 กม./ชั่วโมง เรียกว่าเสียวกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว หรือจะเป็น “Python” ให้ท่านและก็เพื่อนพ้องๆนั่งสไลด์เดอร์ไปสนุกสนานด้วยกัน ผ่านท่อสีเขียวที่วนเวียน ยาวกว่า 60 เมตร! นอกเหนือจากนั้นยังมีโซนสำหรับคุณหนูอย่าง “Kiddy pool” สนามเด็กเล่นที่ให้น้องๆได้ชุ่มฉ่ำกับสายน้ำเย็น พร้อมบริการเครื่องอำนวยความสะดวกอีกทั้งล็อกเกอร์ บังกะโล ซาลอน ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก อย่างพร้อม หนีร้อนไปสนุกสนานกับสวนน้ำในปิ้งกุ้งกันเลยดีกว่า

3. เที่ยวสะพานอูเบ็ง สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในโลก!
สะพานไม้ดั้งเดิม ที่มีอายุกว่า 200 ปี ทอดยาวด้วยความยาว 1,200 เมตร ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน สร้างด้วยไม้จำนวนพันกว่าต้น เราสามารถเดินชมสะพานไม้ไปเรื่อยได้ และยิ่งในช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตกลงน้ำ(ดิน) บรรยากาศรอบๆรอบๆสะพาน จะเห็นได้ว่าแสงพระอาทิตย์เป็นประกายกับสายน้ำ นอกจากจะได้ดูความงามของตะวันขึ้นแล้วก็ตกแล้ว ยังได้มองเห็นวิถีชีวิตของคนเมียนมาด้วย เป็นประสบการณ์ที่สุดตรึงตาตรึงใจกันเลยทีเดียว

ของร้านค้าขายน้ำดื่ม ขายอาหารบนเกาะ ชมดวงตะวันตกในทะเลสาบ แถมมีปลารวมทั้งกุ้งใหม่ๆจากทะเลสาบ ให้ได้ชิมรส นั่งพักผ่อนสบายๆแล้วคอยชมพระอาทิตย์ตกได้อีกด้วย วิธีในที่สุดเป็นวิธีที่เสียตังน้อยที่สุดหมายถึงสามารถยืนชมวิวบนสะพานได้เลย ได้สัมผัสบรรยากาศไปอีกคนละอย่างจ้า

4. ทะเลสาบอินเล ทะเลสาบน้ำจืด รวมทั้งวิถีชีวิตคนอินเล
ทะเลสาบอินเล ตั้งอยู่กลางประเทศพม่าเลยก็ว่าได้ ทะเลสาบอินเลอยู่ในเมือง Nyaung Shwe เมืองเล็กๆที่ราษฎรดำรงชีวิตท่ามกลางทะลสาบ .. หื้มมม? เป็นราษฎรเค้าก่อสร้างบ้านแล้วก็พักอาศัยกันในทะเลสาบเลยแกรเอ้ยยย ต่อนี้ไปเนี่ย แน่นอนการดำรงอยู่และก็การเพาะปลูกหรือทำการเกษตรของเค้าต้องเกี่ยวกับทางเรือ อย่างเช่น การปลูกมะเขือเทศบนสวนลอยน้ำ การผลิตบ้านแบบเสาค้ำกึ่งกลางน้ำ รวมทั้งยานพาหนะจำเป็นจะต้องอย่างเรือ ที่แน่ๆมีจอดอยู่ทุกบ้าน แล้วที่สุดของทะเลสาบอินเลคือความสามารถพิเศษของชาวอินติดอยู่เนี่ยล่ะ การพายเรือด้วยเท้าข้างเดียวสำหรับการสัญจรรวมถึงจับสัตว์ในน้ำที่ไม่เหมือนใครในโลก ดังมากมายเว้ย ดังจนถึงที่นี่เป็นอีกจุดหมายนึงที่นักเดินทางจำเป็นต้องมาดูเลยแหละ ทราบแบบนี้แล้วตามไปเลยสิจ้าา

5. สัมผัสเกาะหัวใจมรกต แห่งทะเลเมียนมาร์.
เกาะค๊อกคอม เกาะหัวใจมรกต (Cocks Comb) เป็นเกาะที่อยู่ในสมุทรอันดามัน ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งจังหวัดระนองเพียงแค่ราว 81.2 กม.เพียงแค่นั้น เกาะแห่งนี้มีลักษณะเป็นเกาะหินปูน ไม่มีหาดทราย มีช่องว่างอยู่กลางเกาะ คล้ายกับปากปล่องภูเขาไฟ มีช่องเล็กๆให้น้ำทะเลเข้าไปได้ หากดูจากมุมสูงจะมีความเห็นว่าช่องตรงกลางนี้มีรูปร่างคล้ายกับรูปหัวใจ เมื่อมีน้ำสมุทรสีฟ้าอมเขียวใสแจ๋วเข้าไปในนั้น รวมกับบริเวณรอบปากปล่องมีต้นไม้สีเขียวขจี ทำให้รูปร่างหัวใจนี้มองเห็นเด่นชัด จนได้รับการตั้งชื่อจากคนไทยว่าเป็น “เกาะหัวใจมรกต” ซึ่งชาวต่างประเทศจะรู้จักกันในชื่อ “Hidden Lagoon”

มองเห็นไหมล่ะว่า การไปท่องเที่ยวพม่า ก็ไม่ได้มีแต่ว่าการไปไหว้พระ หรือ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างเดียวแค่นั้น เมียนมาร์ยังมีแหล่งธรรมชาติสวยๆอีกเยอะมาก ถูกอกถูกใจคนชอบท่องเที่ยวชิลล์ๆสไตล์สโลว์ไลฟ์ ถ้ามีโอกาสทดลองไปเปิดมุมมองใหม่ให้การเที่ยวเมียนมาร์กว้างขึ้นกว่าเดิม

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ทัวร์พม่า

5 ยอดเยี่ยมสถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนามที่คุณจำต้องไป อัพเดท 2018

เมื่อกล่าวถึงเวียดนามใครๆก็มักจะรำลึกถึง โฮจิมินห์ เมืองหลวงทางตอนใต้ แต่ทราบไหมมีสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆน่าสนใจอีกเพียบเลยในเวียดนามที่ตอนนี้กำลังเป็นกระแสอย่างมากๆที่คุณไปเวียดนามจะต้องไม่พลาด เรามาอัพเดทกันวันท่องเที่ยวเวียดนามทั้งทีจำต้องสุดๆ5 สถานที่ที่แหน่งใดกันบ้าง เริ่มกันเลย

1. เที่ยวบาน่าฮิลล์ ดานัง (Bana Hill, Danang)
บานาฮิลล์ เป็น โรงแรม บนยอดเขา อยู่ห่างจากเมืองดานังประมาณ 40 กิโล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40-50 นาที ส่วนประวัติความเป็นมา เทือกเขาบานา เคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตากอากาศมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยข้างบนเป็นบ้านพักแล้วก็โรงแรมของชาวฝรั่งเศสสมัยเป็นเจ้าอาณานิคมตั้งแต่ปี 1919 ข้างหลังการศึกชาวฝรั่งเศสแพ้กลับประเทศไป บานาฮิลล์ถูกทิ้งร้างอยู่นับเป็นเวลาหลายปี ตราบจนกระทั่งถูกกลับมาซ่อมแซมเป็นเมืองที่มีสถานที่สำหรับท่องเที่ยวมากมายเป็นจำนวนมากอีกครั้งในปี 2009 ซึ่งมีการสร้างตะกร้าลอยฟ้า 5,801 เมตร ที่ใช้เวลาถึง 50 นาทีสำหรับการนั่งกระเช้าจากข้างล่างขึ้นไปข้างบน รายจ่ายสำหรับในการก่อสร้างเคเบิลคาร์ขั้นแรกมีมูลค่า 17.2 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา รวมทั้งช่วงที่สร้างต่อเพิ่มไปถึงยอดเขา มีมูลค่า 5.7 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ บานาฮิลล์ ถูกผลิตขึ้นตามมาตรฐานยุโรปโดยบริษัทที่เป็นที่รู้จักจากประเทศออสเตรเลีย เครื่องไม้เครื่องมือแล้วก็เครื่องจักรนำเข้าจากยุโรป ตลอดเส้นทางประกอบไปด้วยเสา 24 ต้น มีทั้งหมด 94 เคบิน กระเช้ามีทั้งยังแบบเปิดเตียนโล่งโอเพ่นแอร์กับแบบห้องกระจก แต่ละเคบินบรรทุกผู้โดยสารได้ 10 คน ด้านในหนึ่งชั่วโมงสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 1,500 คน

2.เที่ยวถ้ำฟองญา (Phong Nha Caves)
เวียดนาม เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดที่มีนานาประการ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และก็ยังรวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความงามและน่ามาเยือนมากมายแห่งหนึ่งของโลก และวันนี้เราจะขอเสนอแนะสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอีกทั้งความสวย และก็ความประทับใจ

โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของอุทยานแห่งชาติฟองญา-แก๋บ่างหมายถึงถ้ำฟองญา (Phong Nha Cave) เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำชอน (Son River) ที่สะสมน้ำจากใต้ดินไหลรวมกันมาจากด้านในถ้ำ และได้รับการยอมรับจาก นักตรวจถ้ำทั้งโลกว่า เป็นถ้ำอันดับหนึ่งของโลก เพราะเหตุว่าเป็นเจ้าของสถิติถึง 4 รายการตัวอย่างเช่น น้ำลอดยาวที่สุดในโลก, โถงถ้ำสูงที่สุด ยาวที่สุด และกว้างที่สุด

“อุทยานแห่งชาติฟองญา-แก๋บ่าง” (Phong Nha-Ke Bang National Park) เป็นอีกหนึ่งจุดหมายด้านการท่องเที่ยวที่น่ามาเยือนมากแห่งหนึ่งของประเทศเวียดนาม เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีความสะดุดตาทางธรรมชาติแล้วก็ทางธรรีวิทยา ที่มีพัฒนาการมาตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง (หรือประมาณ 400 ล้านปี) โน่นจึงนำมาซึ่งการทำให้สวนแห่งนี้มีภูมิประเทศแบบหินปูนที่ดั้งเดิมที่สุดในเอเซีย อุทยานแห่งชาติฟองญา-แก๋บ่าง ตั้งอยู่ในอำเภอโบ๊จะ (Bo Trach) แล้วก็อำเภอไม่ญหวา (Minh Hoa) ในเขตจังหวัดกว๋างบิ่ญ (Quang Binh) รวมทั้งติดชายแดนประเทศลาว ห่างจากกรุงฮานอยมาด้านใต้ประมาณ 500 กิโล ภายในเขตสวนมีกลุ่มหินปูนมีขนาดพื้นที่ 857.54 ตารางกิโลเมตร อุทยานนี้โด่งดังในความสวยของถ้ำที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก และก็ยังเป็นสถานที่ 1 ใน 2 ของโลกที่เป็นหินปูนที่มีลำธารใต้ดินขนาดใหญ่

3.ท่องเที่ยวอ่าวฮาทดลอง (Ha Long Bay)
ฮาทดลองเบย์ หรือ อ่าวฮาทดลอง คือสถานที่เที่ยวสำคัญอีกแห่งในประเทศเวียดนามที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งนักท่องเที่ยวทุกคนไม่ควรพลาดดู โดยตรงนี้ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากหน่วยงานยูเนสโกเนื่องจากมีความสวยของธรรมชาติมาก

ฮาทดลองเบย์ เป็นอ่าวแห่งหนึ่งในพื้นที่ของอ่าวตังเกี๋ย เมืองฮาทดลองตั้งอยู่ทางทางเหนือของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม อยู่ภายในเขตพื้นที่จังหวัดกว่างนิงห์ ไม่ไกลจากกรุงฮานอยเมืองหลวง โดยห่างออกไปทางทิศตะวันออกราว 170 กิโลเมตร และอยู่ใกล้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ฮาทดลองเบย์ มีพื้นที่ทั้งหมดทั้งปวง 1,500 ตารางกิโลเมตร มีริมฝั่งยาว 120 กิโล มีเกาะหินปูนจำนวน 1,969 เกาะโผล่พ้นขึ้นมาจากผิวสมุทร บนยอดของแต่ละเกาะมีต้นไม้ขึ้นกับอย่างหนาแน่น หลายเกาะมีถ้ำขนาดใหญ่ที่มีความสวยสดงดงามซุกซ่อนอยู่

สำหรับประวัติความเป็นมา ฮาลองเบย์ มีชื่อตามการออกเสียงในภาษาเวียดนามว่า Vinh Ha Long คือ อ่าวมังกรผู้ดำตรง ตามตำนานราษฎรเวียดนามบอกเล่ากันว่า ในสมัยก่อนที่ชาวเวียดนามกำลังทำศึกกับจีน ทวยเทพเทวดาได้ส่งกองทัพมังกรลงมาช่วยเหลือ ซึ่งต่อมามังกรกลุ่มนี้ได้ดำตรงลงสู่ทะเลบริเวณอ่าวฮาลอง ทำให้มีอัญมณีรวมทั้งหยกพุ่งกระเด็นออกมากลายเป็นเกาะแก่งน้อยใหญ่กระจายตัวเป็นเกราะป้องกันผู้บุกรุก แล้วก็บางตำนานเอ๋ยถึงสัตว์โบราณที่ชื่อว่า Tarasque ซึ่งเชื่อว่าอาศัยอยู่ที่บริเวณก้นอ่าว

4.เที่ยวเมืองซาขว้าง ทุ่งนาข้าวบนเขา (Sa Pa)
ซาขว้าง คือเมืองที่มีสถานที่สำหรับท่องเที่ยวมากมายเป็นจำนวนมากที่มีเสน่ห์สูงที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศเวียดนาม ด้วยพื้นที่อันสวยที่รุมล้อมไปด้วยยอดเขาจนได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลังคาโลกอินโดจีน ส่วนอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดปีทำให้รุ่งแจ้งของที่นี่มีไอหมอกปกคลุมสวย ในแต่ละปี ซาปา ก็เลยล่อใจนักเดินทางจากทั่วโลกให้แวะเวียนมาท่องเที่ยวได้จำนวนไม่ใช่น้อย

ในส่วนของประวัติความเป็นมา ซาปา เป็นเมืองเล็กๆที่นักเดินทางต่างประเทศเริ่มเดินทางมาพักผ่อนตั้งแต่สมัยที่ฝรั่งเศสยังดูแลประเทศเวียดนาม โดยชาวตะวันตกรู้สึกชื่นชอบตรงนี้เพราะเหตุว่าอากาศดีและสงบเงียบ ต่อมาซาขว้างจึงโด่งดังแล้วก็ได้รับความนิยมจากนักเดินทางมากเพิ่มขึ้นจนมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมหลายหมื่นคนต่อปี

5.ท่องเที่ยวหมุยแหน เทือกเขาทรายสองสี (The Sand Dunes of Mui Ne)
นักเดินทางที่เดินทางมายังที่แห่งนี้รับรองได้เลยว่าจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับทะเลทรายด้วยเหตุว่าเทือกเขาทรายที่หมุยแหนหรือที่หลายคนคุ้นเคยกับสำเนียง “มุยเน่” นั้น มีขนาดใหญ่และอยู่ใกล้กับชายหาด ก็เลยมีแดดแล้วก็ลมที่แรงมากมายทีเดียว ที่นี่มีเนินทรายอยู่ 2 แห่ง คือ ภูเขาทรายขาวและเทือกเขาทรายแดง ซึ่งเทือกเขาทรายขาวนั้นมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Bau Trang แล้วก็มีร้านอาหารขนาดเล็กเปิดบริการสำหรับนักเดินทางด้วยสำหรับเทือกเขาทรายแดงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า แต่ว่าเป็นที่นิยมมากกว่าในสายตาของคนถ่ายรูป เนื่องด้วยสีทรายมีสีแดงเข้ม ถ่ายรูปออกมาแล้วสีสวยกว่าที่เทือกเขาทรายขาว ส่วนกิจกรรมยอดฮิตหมายถึงการเล่นบอร์ดเลื่อนบนเนินทรายสูงลงมาข้างล่างซึ่งวัสดุอุปกรณ์สำหรับเล่นนั้นสามารถหาเช่าได้จากร้านที่ตั้งอยู่ใกล้ๆเทือกเขาทราย

ข้อมูลอื่นๆ : เปิดให้บริการตลอดทั้งปี แม้กระนั้นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยวคือ ตอนเวลาเช้าหรือไม่ก็ช่วงเวลาเย็น เพราะว่าช่วงเวลากลางวันถึงตอนเวลาบ่ายนั้นอากาศรวมทั้งแดดจัดมากมาย
เป็นยังไงบ้างคะ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆโดนๆในประเทศเวียดนาม มีอีกทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติรวมทั้งประวัติศาสตร์ เรียกได้ว่ามาเวียดนามทั้งทีได้สัญจรท่องเที่ยวอย่างครบรสแน่ๆ ส่วนระยะทางก็ใกล้นิดเดียว รวมทั้งค่าครองชีพก็ไม่แพงอีกด้วยจ้ะ

เทือกเขาทรายสองสีที่หมุยแหน นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังที่แห่งนี้ยืนยันได้เลยว่าจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับทะเลทราย เนื่องจากว่าภูเขาทรายที่หมุยแหนหรือที่ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยเคยชินกับสำเนียง “มุยเน่” นั้น มีขนาดใหญ่และอยู่ใกล้กับชายทะเล ก็เลยมีแดดแล้วก็ลมที่แรงมากทีเดียว ตรงนี้มีเนินทรายอยู่ 2 ที่หมายถึงเทือกเขาทรายขาวและก็เทือกเขาทรายแดง ซึ่งภูเขาทรายขาวนั้นมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Bau Trang รวมทั้งมีร้านอาหารขนาดเล็กเปิดบริการสำหรับนักเดินทางด้วย สำหรับภูเขาทรายแดงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า แต่ว่าเป็นที่ชื่นชอบมากกว่าในสายตาของช่างถายภาพ เพราะสีทรายมีสีแดงเข้ม ถ่ายภาพออกมาแล้วสีสวยกว่าที่ภูเขาทรายขาว ส่วนกิจกรรมยอดฮิตเป็นการเล่นบอร์ดเลื่อนบนเนินทรายสูงลงมาด้านล่าง ซึ่งวัสดุอุปกรณ์สำหรับเล่นนั้นสามารถหาเช่าได้จากร้านที่ตั้งอยู่ใกล้ๆเทือกเขาทราย

รายละเอียดเพิ่มเติม : เปิดให้บริการตลอดทั้งปี แม้กระนั้นตอนที่เหมาะสมที่สุดในการมาท่องเที่ยว คือ เวลาเช้าหรือไม่ก็ตอนเย็นเนื่องจากว่ากลางวันถึงช่วงบ่ายนั้นอากาศแล้วก็แดดจัดมาก
เป็นไงบ้างค่ะ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆโดนๆในประเทศเวียดนาม มีทั้งยังสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติรวมทั้งประวัติศาสตร์ กล่าวได้ว่ามาเวียดนามทั้งทีได้ตรวจตราท่องเที่ยวอย่างครบรสแน่ๆ ส่วนระยะทางก็ใกล้นิดเดียว รวมทั้งค่ายังชีพก็ไม่แพงอีกด้วย

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ทัวร์เวียดนาม